Warning: "continue" targeting switch is equivalent to "break". Did you mean to use "continue 2"? in /home2/mybaacor/public_html/templates/sumter_blue/functions.php on line 185

บทความ"ปริญญาใจ ปริญญาธรรม"

ปริญญาใจ...ปริญญาธรรม/เขียนโดย..ภูริ์ ภูไท

##สังคมปัจจุบันนี้  ผู้คนทั้งหลาย  ต่างขวนขวายแสวงหาใบปริญญากัน  บางคนก็จบปริญญาหลายแขนง  หลายสาขาวิชา  เพื่อจะได้อวดความรู้หรือดีกรีของตัวเอง  ว่าเป็นคนเก่งมีการศึกษาสูง  ยิ่งถ้าจบจากเมืองนอก  เป็นดอกเตอร์ด้วยแล้ว  คนทั่วไปก็ยอมรับนับถือว่าเป็นคนมีความรู้  มีความสามารถ  และมีประสบการณ์สูง  ปริญญาตรี  ปริญญาโท  ปริญญาเอก  หรือกระทั่งปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์  ปริญญาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นความรู้ทางโลก  คือขั้นโลกียะเท่านั้น  ซึ่งไม่สามารถจะสร้างความสุขที่จีรังได้  จนกลายเป็นคนมีความรู้ทั่วหัว  แต่ขาดความสุขในชีวิต  บางครั้งก็ดูน่าสงสาร  บางคราวก็น่าเห็นใจ  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  บางคนยิ่งจบสูง...ยิ่งทุกข์มาก  เพราะมีความทะเยอทะยานมาก  คือมีความอยากมาก  ไม่รู้จักพอ  เมื่อไม่ได้ดังใจ  ก็เป็นทุกข์  เครียด  นอนไม่หลับ  วิตกกังวล  สุดท้ายก็ป่วยเป็นโรคทางจิต  เมื่อจิตถูกรบกวนจากปัจจัยภายนอกและภายใน  ใจก็เริ่มกระสับกระสาย  กระวนกระวาย  จึงส่งผลให้เกิดโรคทางกาย  เช่น  โรคกระเพาะอาหาร  โรคลำไส้  เป็นต้น

แต่ค่าของคนจริงๆ  อยู่ที่ผลของงาน  มิใช่อยู่ที่การศึกษาหรือใบปริญญา  บางคนหลงตัวเองว่า  มีปริญญาแล้วจะเก่งกว่าคนอื่น  หรือฉลาดกว่าคนอื่น  คนไม่มีใบปริญญา  ก็อาศัยประสบการณ์ในการทำงาน  เก่งกว่าพวกที่จบดอกเตอร์จากเมืองนอกก็มีถมไป  เห็นได้จากหลายๆ  คนที่เคยเจอมา

แม้ใบปริญญาที่มหาวิทยาลัยมอบให้หลังจบการศึกษา  สำคัญก็จริง  แต่ปริญญาใจหรือปริญญาธรรมสำคัญยิ่งกว่า  หากมีแต่ใบปริญญา  แต่หัวใจไร้ปริญญาธรรม  ก็ดูเหมือนเป็นคนไม่มีที่พึ่งทางใจ  และไม่ค่อยจะมีความสุข  ถ้าหัวใจมีปริญญา  (ความรอบรู้)  รู้จักที่จะดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวัง  ไม่ประมาท  มีน้ำใจเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์  ดำรงชีวิตแบบพอเพียง  รู้ตน  รู้คน  รู้งาน  หนทางที่จะประสบความสำเร็จก็อยู่แค่เอื้อม

ปริญญาธรรมนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก  แต่คนไม่ให้ความสนใจสักเท่าไหร่  มุ่งแต่ใบปริญญา  ใบประกาศนียบัตรกัน  จนลืมปริญญาธรรมกัน  เพราะฉะนั้น  พวกเราควรจะมุ่งแสวงหาปริญญาธรรม  คว้าปริญญาธรรมให้ได้สักใบเป็นอย่างน้อย  คงจะดีทีเดียว

ปริญญาธรรม  มีกี่ใบล่ะ?  มี  3  ใบ  คือ

-ญาตปริญญา  คือการกำหนดรู้ในสิ่งที่รู้จักแล้ว  ในขั้นนี้คือต้องรู้จัก  พูดง่ายๆ  คือรู้ว่าสิ่งนี้ควรทำ  สิ่งนี้ไม่ควรทำ  สิ่งนี้มีประโยชน์  สิ่งนี้ไม่มีประโยชน์  รู้คุณรู้โทษ  รู้บาป  รู้บุญ

-ตีรณปริญญา  คือ  รู้ด้วยการพิจารณา  รู้ในขั้นพิจารณา  เช่นรู้เวทนา  มีการเกิดขึ้น  ตั้งอยู่  ดับไป  เป็นต้น  รู้ว่าทำสิ่งนี้ไปแล้ว  มันจะให้ผลอย่างไร  ค่อยข้างจะใช้ปัญญาในการไตร่ตรอง  พิจารณาโดยละเอียด

-ปหานปริญญา  คือรู้ด้วยการละ  กำหนดรู้ในการละความโลภ  ความโกรธ  และความหลง  การละมีอยู่  3  ระดับ  คือ  ละด้วยการข่มไว้,  ละหรือยับยั้งไว้ชั่วขณะ,ละได้เด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม  ปริญญาธรรม  3  ใบนี้ควรต้องมีไว้  ถ้าเปรียบกับปริญญาทางโลกตามลำดับขั้นที่หนึ่ง  (ปริญญาตรี)  ที่สอง  (ปริญญาโท)  ที่สาม  (ปริญญาเอก)  แม้บางคนอาจจะไม่มีปริญญาทางโลก  แต่มีปริญญาธรรม  ก็ถือว่าเป็นคนสมบูรณ์  จบดอกเตอร์ทางธรรมได้  นับเป็นผู้เชี่ยวชาญ  ละกิเลสได้โดยสิ้นเชิง  ตรงกันข้าม  ถ้ามีแต่ปริญญาทางโลก  ขาดปริญญาทางใจ  ก็ดูยังไม่สมกับการเกิดมาเป็นคนสักเท่าไรนัก  ฉะนั้น  จึงควรสร้างปริญญาธรรมให้สว่างไสวในจิตใจ  เมื่อแสงสว่างเกิดขึ้น  มันจะทำให้เราเข้าใจตามความเป็นจริง

 

อย่างไรก็ดี  คนในโลกนี้  มุ่งจะคว้าปริญญาทางโลก  เบือนหน้าหนี  หรือหันหลังให้กับปริญญาธรรม  บางทีอาจคิดว่าใบปริญญาทางโลก  มันช่วยให้เรามีงานทำ  มีเงินใช้  มีหน้ามีตาในสังคม  นำความรุ่งเรืองมาสู่ชีวิต  ข้อนี้มันก็จริง  ถ้าจะให้ดีเราควรเรียนรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมด้วย

รู้โลกรู้ธรรม  รู้สรรพสิ่งตามความเป็นจริง  เข้าใจในกฎธรรมชาติ  กฎแห่งกรรม  คือรู้แจ้ง  รู้จริง  เมื่อเป็นอย่างนี้  จึงจะได้ชื่อว่าเป็น  "บัณฑิต” ผู้มีความรู้ ซึ่งความรู้หรือปัญญาเกิดได้สามทางคือ  ปัญญาเกิดจากการคิด,  ปัญญาเกิดจากการศึกษาเล่าเรียนและการฟัง,  ปัญญาเกิดจากการภาวนาคือการเจริญกรรมฐาน  ฝึกฝนอบรมใจ  จนจิตมีสมาธิ  แล้วปัญญาก็เกิดขึ้นตามกระบวนการของมันเอง  ไม่ต้องไปนึกคิดเอาเอง  หรือปรุงแต่งมันขึ้น  ความสุขที่แท้จริง  ก็รออยู่ข้างหน้า  และรอให้เราไปสัมผัสเอง

"ปริญญาใจนำพาให้สุขสันต์...ปริญญาธรรมนำสุขให้ทุกคน"