น้ำท่วมกาย..ไม่ร้ายเเรงเท่าน้ำท่วมใจ

น้ำท่วมกาย..แต่อย่าให้น้ำท่วมใจ สำหรับคนไทยที่กำลังประสบมหาอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ หลายหน่วยงาน หลายองค์กรต่างช่วยเหลือกัน ในยามที่บ้านเมืองวิกฤต ได้เห็นน้ำใจของคนไทยที่ยังมีเมตตาจิตต่อเพื่อนร่วมทุกข์ การช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ เป็นการสร้างบารมี สร้างบุญให้ตัวเอง.. หลายชีวิตที่ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร น้ำดื่ม เสื้อผ้า ที่พักอาศัย ยารักษาโรค เป็นต้น อย่าปล่อยให้คนเหล่านี้  สิ้นหวัง หมดกำลังใจ ท้อแท้ ภาครัฐควรเข้าไปดูแล ช่วยเหลือ

สถานการณ์อย่างนี้ ภาครัฐ ภาคเอกชน ต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา ช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อน น้ำท่วมครั้งนี้คลอบคลุมหลายจังหวัด ถือได้ว่าเป็นน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทย อย่างไรก็ตาม ภัยพิบัติครั้งนี้ ไม่เท่าใจวิบัติ หลายคนยังเห็นแก่ตัวทำลายพนังกั้นน้ำ ทะเลาะ ด่า โกรธกันและกัน ขอร้องทุกฝ่ายหยุดทะเลาะกันได้แล้ว ควรสามัคคีปรองดองกัน ช่วยเหลือกัน วางแผนระยะยาว หลังน้ำลด จะฟื้นฟูประเทศอย่างไร

ภัยพิบัติครั้งนี้ เสมือนเป็นคำเตือนจากธรรมชาติ ครั้งต่อไปอาจจะรุนแรงกว่านี้อีก ภาครัฐต้องวางแผนระบบการบริหาร จัดการน้ำให้เป็นระบบกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ห้วงน้ำใหญ่ ไหลท่วมบุคคลที่มัวประมาท  เห็นชีวิตหลายคน น้ำไหลหลากมายังไม่เตรียมตัว สุดท้ายน้ำท่วมคอ  จึงเรียกหาคนช่วยเหลือ เราต้องพึงตนเองก่อน พุทธเจ้าตรัสว่า “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” นะโยม!

น้ำที่ท่วมบ้านเรือน  ไร่นา ท่วมกายในครั้งนี้ ไม่ร้ายแรงเท่าห้วงน้ำคือกิเลสที่ท่วมใจ น้ำท่วมครั้งนี้ ต้องทำใจ  ยอมรับความจริง  เมื่อทุกข์  ก็อย่าท้อ  เมื่อสุข  ก็อย่าดีใจ  ต้องคิดว่า  เมื่อสุขได้  ทุกข์ก็มีได้  เมื่อสิ่งนี้มี  สิ่งนี้จึงมี

ห้วงน้ำคือกิเลส  ที่พามวลมนุษย์ให้มัวเมาลุ่มหลง  ไม่ยอมวายข้ามฝั่งสักที  มั่วแต่วายเลาะอยู่ตามฝั่ง  มนุษย์จำนวนน้อยที่วายถึงฝั่ง  (นิพพาน)  ทำไมล่ะ  มวลมนุษย์จึงไม่ย่อมว่ายให้ถึงฝั่ง  เพราะยังติดอยู่ในห้วงน้ำใหญ่  ที่เย้ายวน  ชวนให้หลงนะซิ  ห้วงน้ำคืออะไรบ้างล่ะ

  ห้วงน้ำคือกาม  ได้แก่ความยินดี  พอใจ  ในรูป  เสียง  กลิ่น  รส  สัมผัส

 ห้วงน้ำคือภพ  ได้แก่ความอยากมี  อยากเป็น  อยากเด่น  อยากดัง

 ห้วงน้ำคือทิฏฐิ  ได้แก่ความเห็น  ในที่นี้หมายถึงความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม  เช่น  เห็นชั่วเป็นดี  หรือเห็นดีเป็นชั่ว  เป็นต้น

 ห้วงน้ำคืออวิชชา  ได้แก่  ความไม่รู้แจ้งเห็นจริง

อย่างไรก็ตาม  เมื่อติดอยู่ในห้วงน้ำคือกิเลสเหล่านี้  มีแต่มันจะพัดพาให้ท่วมใจ  และมันก็เป็นเหยื่อล่อให้คนลุ่มหลง  สุดท้ายนำความหายนะมาสู่ตน  ทำอย่างไร  จะข้ามห้วงน้ำคือโอฆะได้  ก่อนอื่นต้องฝึกฝนตนเองด้วยธรรมคือฝึกให้มีสติ  ด้วยการเจริญจิตภาวนา  เมื่อมีสติสมบูรณ์  กำหนดรู้ตามเป็นจริง  ปัญญาก็จะเกิดเพื่อละกิเลส  คือห้วงน้ำเหล่านี้  เมื่อละกิเลสคือห้วงน้ำทุกข์ได้แล้ว  ก็จะเป็นผู้ว่ายถึงฝั่งคือพระนิพพาน

“ห้วงน้ำทุกข์จะสอนให้จดจำ...ห้วงน้ำธรรมจะนำสุขให้ทุกคน”